วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ใครไม่เก่ง Photoshop ต่อไป Adobe จะใช้ AI มาช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น



ใครไม่เก่ง Photoshop ต่อไป Adobe จะใช้ AI มาช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นก็คืองานยากอย่างการเลือกคนออกฉากหลัง

ใครที่ใช้งาน Photoshop เป็นประจำจะรู้ดีว่า อีกหนึ่งงานที่ต้องเสียเวลามากก็คือการ Masking คนเพื่อทำการแยกออกจากฉากหลัง ซึ่งเราต้องมานั้นกำหนดที่ละจุด ใครที่ไม่เคยทำนั้นถือว่ายากมาก แต่ต่อไปงานนี้จะง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Select Subject ฟีเจอร์นี้ทาง Adobe จะนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยทำงาน “Select and Mask” สิ่งที่เราต้องทำก็คือคลิกตรงไหนของภาพก็ได้ จากนั้น AI ก็จะเลือกคนหรือวัตถุในภาพให้อัตโนมัติ จากนั้นเราก็แค่เลือกเปลี่ยนสีฉากหลังหรือตัดคนออกมาเพื่อนำไปใช้ต่อ

เบื้องหลังของฟีเจอร์นี้ก็คือแพลตฟอร์ม AI ของ Adobe ที่มีชื่อว่า Sensei มันใช้ machine learning ในการเรียนรู้วัตถุ ทำให้รายละเอียดที่ซับซ้อนของวัตถุไม่ใช่ปัญหา อย่างพวกเส้นผมหรือขนสัตว์ยิ่งใช้มันจะยิ่งฉลาด Masking ได้เนียนยิ่งขึ้น แต่ในช่วงแรกคุณอาจจะต้องใช้เครื่องมือแต่งภาพช่วยก่อน

ปัจจุบันมีปลั๊กอินอย่าง Akvis SmartMask และ Fluid Mask tที่ทำแบบเดียวกับฟีเจอร์นี้ได้ แต่ข้อดีของฟีเจอร์ใหม่ก็คือเราไม่ต้องโหลดอะไรมาลงเพิ่ม ใช้งานได้ทันที คาดว่าความสามารถใหม่นี้จะมาพร้อมกับเวอร์ชั่นใหม่ที่จะอออกในอนาคตค่ะ

บทความ : dailygizmo.tv

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รัฐบาลจีนประกาศนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(A.I) เต็มที่

ทุ่มแข่ง AI จีนปักหมุดต้องผลิตชิปให้ดีกว่า NVIDIA M40 ไปอีก 20 เท่าภายในปี 2021


รัฐบาลจีนประกาศนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(A.I) เต็มที่ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยหวังจะพัฒนาเทียบเท่าสหรัฐฯ ภายในสามปีข้างหน้า

ตอนนี้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ของจีนได้เริ่มกำหนดเป้าหมายย่อยออกมาแล้ว โดยเป้าหมายหนึ่งคือการพัฒนาชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่ดีกว่า NVIDIA Tesla M40 ไปอีก 20 เท่าตัว ทั้งในแง่ประสิทธิภาพพลังงานและพลังในการประมวลผล

Tesla M40 เป็นชิปเก่าสองปีที่ใช้สถาปัตยกรรม Maxwell และมีพลังประมวลผลแบบ single-precision เพียง 7 TFLOPS (การ์ดใช้งานตามบ้านรุ่นใหม่อย่าง 1080Ti มีพลังประมวลผล 10.6 TFLOPS)

บริษัทลงทุนของรัฐบาลจีนเพิ่งลงทุนในบริษัทผลิตชิป AI ที่ชื่อว่า Cambricon เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มูลค่าถึง 100 ล้านดอลาร์ แม้ว่าชิปเหล่านี้อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าชิป NVIDIA รุ่นใหม่ๆ แต่ตลาดจีนก็มีความได้เปรียบที่เป็นผู้ผลิตกล้องวงจรปิดจำนวนมาก หากมีชิปรุ่นพอใช้งานได้ได้รับความนิยมขึ้นมา นั่นหมายถึงบริษัทเหล่านี้ก็มีโอกาสทำกำไรและอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว

บทความ : lew@Blognone

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ธนาคาร China Citic และบริษัทเสิร์ชเอนจิน Baidu จับมือกันเปิดตัว AiBank


Baidu ร่วมมือกับธนาคาร China Citic ตั้งธนาคารที่เน้นให้บริการทางอินเทอร์เน็ต


ธนาคาร China Citic และบริษัทเสิร์ชเอนจิน Baidu จับมือกันเปิดตัว AiBank

Aibank เป็นธนาคารที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในยุคฟินเทค (เป็นไปตามคู่แข่งอย่าง Alibaba และ Tencent ที่แต่ละบริษัทต่างก็มีธุรกิจส่วนให้บริการทางการเงินด้วย)

AiBank จะเน้นการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต แทนที่จะเป็นการให้บริการผ่านสาขา โดย Li Rudong ประธานของธนาคารแห่งใหม่กล่าวว่า บริการของ AiBank จะเน้นที่การกู้ยืมแบบส่วนบุคคลและธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งจะใช้ big data และ AI เข้ามาสร้างโมเดลควบคุมความเสี่ยง โดย 60% ของพนักงานธนาคารนี้จะเป็นพนักงานที่ทำงานในด้านเทคโนโลยี

Lu Qi ซีโอโอของ Baidu กล่าวว่า AiBank นั้นจะเป็นอนาคตของการเงินอัจฉริยะ (intelligent finance) เป็นสถาบันการเงินที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด และเข้าในการเงินอย่างดีที่สุดด้วยเช่นกัน AiBank มีทุนจดทะเบียนที่ 2 พันล้านหยวน โดย Citic Bank จะถือหุ้น 70% ส่วน Baidu จะถือหุ้น 30% โดยการก่อตั้งธนาคารแห่งนี้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของจีนมาแล้วตั้งแต่ต้นปี

บทความ by nutmos@Blognone

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Apple ประกาศเลื่อนแผนวางจำหน่าย HomePod ลำโพงอัจฉริยะ ออกไปเป็นต้นปี 2018


Apple ประกาศเลื่อนแผนวางจำหน่าย HomePod ลำโพงอัจฉริยะ ออกไปเป็นต้นปี 2018


Apple ประกาศเลื่อนการวางจำหน่าย HomePod ลำโพงอัจฉริยะสำหรับการฟังเพลง ซึ่งมี Siri ในตัวและสามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน

โดยทางแอปเปิ้ลให้เหตุผลอันเนื่องมาจากการผลิต ซึ่งต้องเลื่อนไปเป็นต้นปีหน้า(2018) แทนที่จะเป็นธันวาคมปีนี้ตามประกาศเดิม ซึ่งเท่ากับว่า Apple จะพลาดการวางจำหน่าย HomePod ลำโพงอัจฉริยะ ในช่วงวันหยุดปลายปีที่คนนิยมจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมาก

โฆษกของ Apple ได้ยืนยันกับ TechCrunch โดยกล่าวว่า Apple ต้องการเวลาอีกสักนิดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์นี้พร้อมสำหรับการใช้งานกับผู้ใช้ทั่วไป โดย Apple จะเริ่มส่งมอบสินค้าในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และออสเตรเลียภายในช่วงต้นปี 2018

Apple HomePod นี้จะวางจำหน่ายที่ราคา 349 ดอลลาร์ มีความสามารถหลัก ๆ คือการฟังเพลง และมี Siri ในตัวสำหรับการเรียกให้จัดเพลง, หาเพลง ไปจนถึงการควบคุมอุปกรณ์ HomeKit ได้ด้วย

บทความ nutmos@Blognone


วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ฺBaidu เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Raven H ที่รันด้วย DuerOS แพลตฟอร์ม AI


Baidu เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ พร้อมหุ่นยนต์แขนกล รันด้วยแพลตฟอร์ม AI


หลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จนมีแพลตฟอร์ม A.I. ของตัวเองในชื่อ DuerOS วันนี้ Baidu ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม A.I. เป็นครั้งแรก 2 ตัว ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับบริษัทลูก Raven Tech สตาร์ทอัพพัฒนาลำโพงอัจฉริยะที่ Baidu ซื้อมาเมื่อต้นปี 2017

ผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือลำโพงอัจฉริยะ Raven H ที่รันด้วย DuerOS แพลตฟอร์ม A.I. รองรับการสั่งงานลักษณะเดียวกับ Alexa หรือ Google Assistant



โดยจุดเด่นของ Raven H คือแพแนลชั้นบนสุดที่เป็นจอ LED สามารถถอดออกจากตัวฐานลำโพง และสามารถพกติดตัวหรือนำไปวางไว้ที่อื่นเพื่อสั่งการ AI ไม่ว่าจะค้นหา เปิดเพลงหรือควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ โดยไม่ต้องพกลำโพงทั้งตัวไป วางจำหน่ายราคา 1,699 หยวนหรือราว 8,500 บาท

อีกตัวเป็นหุ่นยนต์แขนกล Raven R รันด้วย DuerOS เช่นกัน มีทั้งหมด 6 แกน อินเทอร์เฟสมาในลักษณะเดียวกับ Raven H คือแผ่นหน้าจอ LED แต่สามารถแสดงออกด้านอารมณ์และตอบโต้ผู้ใช้ได้ (เดาว่าน่าจะผ่านการใช้หลอด LED แสดงออกเป็นสีหน้า) รองรับการสั่งการได้ลักษณะเดียวกับ Raven H โดยทาง Baidu ไม่ได้ให้รายละเอียดความสามารถอื่นๆ เพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ Baidu ยังเปิดตัวหุ่นยนต์ AI ในบ้านตัวที่ 3 ชื่อ Raven Q แต่ยังเป็นเพียงคอนเซ็ปและบอกเพียงว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยี Simultaneous Locallization and Mapping (SLAM) และ Computer Vision โดยรันอยู่บน DuerOS เหมือนกัน

ที่มา By nismod@Blognone


วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เอไอ A.I. ( peep!!!...อนาคตจะเป็นอย่างไร ? )







เปิดโลกเทคโนโลยียานยนต์ A.I. ไปกับ Toyota


เปิดโลกเทคโนโลยียานยนต์ A.I. ไปกับ Toyota


นอกจากรถยนต์แนวคิดใหม่ที่นำเสนอในงานโตเกียว มอเตอร์ โชว์ 2017 ไปแล้ว “Toyota” ยังได้มีการเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ของบรรดารถยนต์ที่โตโยต้ากำลังพัฒนาขึ้นมาเพื่อก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ของการเดินทางด้วยรถยนต์ ไฮไลท์สำคัญคงจับจ้องไปที่ระบบขับขี่อัตโนมัติ (AI) ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็ม 100% แต่เริ่มใช้งานอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว

ซึ่งทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบการขับขี่ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งทางโตโยต้าได้จัดให้เราทดลองขับในตัว เลกซัส แอลเอส ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราเคยลองขับมาแล้วที่อเมริกาในการเปิดตัวครั้งแรก แต่ยังไม่ได้ลองระบบนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้หลายปัจจัยในการใช้งาน ดังจะกล่าวดังต่อไปนี้

ระบบนี้มีชื่อว่า ACC (Adaptive Cruise Control) และระบบ LCA (Lane Change Assist) หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของทั้งสองระบบนี้ จากแบรนด์อื่นๆ มาบ้างแล้ว แน่นอนว่ามันคือระบบแบบเดียวกัน หลักการทำงานเหมือนกัน เพียงแต่ว่ายี่ห้อใดจะพัฒนาไปให้ใช้งานได้ง่ายและสัมฤทธิ์ผลมากกว่ากันนั่นเอง

เริ่มกันที่ระบบ ACC กันก่อน โตโยต้า ให้เราลองใช้งานระบบนี้ซึ่งติดตั้งอยู่ในใน เลกซัส แอลเอส โฉมใหม่ล่าสุด ด้วยการให้เราขับจากจุดเริ่มต้นไปยังสถานที่เป้าหมาย โดยมีรถนำและขับไปเป็นคู่ รวม 3 คันต่อเซต รถนำจะขับด้วยความเร็วคงที่ ขณะที่แอลเอสที่ขับตามจะเปิดระบบ ACC ด้วยการกดปุ่มแล้วกดเซตให้ ระบบตรวจจับคันหน้า

เมื่อระบบหาคันหน้าเจอจะแสดงผลบนหน้าจอ ด้วยสัญลักษณ์รูปรถที่มีเส้นสีฟ้าพุ่งไปหารถคันหน้า แสดงว่าระบบทำงานเรียบร้อย สิ่งที่เราทำต่อไปคือ แค่จับหรือแตะพวงมาลัยเอาไว้ เพื่อให้รถรู้ว่า เรายังมีสติครบถ้วนอยู่ นอกเหนือจากนี้ระบบจะทำให้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การเร่งตามคันหน้า การชะลอ การเบรก หยุดและออกตัว รวมไปถึงการเลี้ยวตามโค้งของถนน โดยที่เราไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกแต่อย่างใด เปรียบได้กับการ เป็นโบกี้รถไฟ ตามคันหน้าที่เป็นหัวรถจักรนั่นเอง

อย่างไรก็ตามคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ การแตะพวงมาลัย หากไม่จับหรือปล่อย จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบจากทีมวิศวกรคือ หากปล่อยมือเกินกว่า 10 วินาที ระบบจะปลดล็อกการทำงานทันที หลังจากนั้นจะเริ่มชะลอรถ เบรกพร้อมกับเลี้ยวเข้าข้างทาง จนกระทั่งยุดสนิท และตามมาด้วยการแจ้งไปยังศูนย์เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยที่ในญี่ปุ่นจะมีรถพยาบาลมายังรถของเราทันที เรียกว่าเป็นการคิดแบบเต็มระบบครบถ้วนเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง

ทั้งนี้เนื่องจาก ตามแนวคิดของการติดตั้งระบบนี้คือ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ขาดการติดต่อกับตัวรถ นั่นหมายความว่า อาจจะเกิดปัญหากับผู้ขับขี่ ดังนั้น ทีมวิศวกรจึงได้ออกแบบระบบให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และไปจบลงด้วยระบบจะส่งคำขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเทคโนโลยียานยนต์ที่ให้ความปลอดภัย และการคำนึงถึงตัวมนุษย์เป็นหัวใจหลัก (เราแอบถามว่า ลองได้ไหม แต่ทีมวิศวกรบอกว่า อย่าดีกว่า)

แม้กระนั้น อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ระบบมีข้อจำกัดบางประการที่สำคัญในการใช้งาน เช่น เส้นถนนต้องมีความชัดเจน, ความเร็วของคันหน้า ไม่เกิน 100 กม./ชม. , ทางโค้งที่โค้งมากเกินไประบบจะไม่ทำงาน ต้องบังคับเลี้ยวเอง , ทางแยกรูปตัว y หรือทางเบี่ยงออก ยังจำเป็นต้องบังคับด้วยตัวเอง เป็นต้น

ดังนั้นการใช้งานที่เหมาะกับระบบนี้คือ ทางตรงยาวๆ เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ แต่อย่าเผลอหลับ มือหลุดจากพวงมาลัย มิฉะนั้น จะเข้าเงื่อนไขรถจอดให้โดยอัตโนมัติ พร้อมขอความช่วยเหลือทันที

สำหรับระบบ LCA หรือช่วยเปลี่ยนเลน หลักการทำงานคือ ยกก้านคันเลี้ยวซ้ายหรือขวาตามทิศทางที่จะไป เพียงครึ่งหนึ่ง ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที เพื่อให้ระบบรับรู้ว่า เราจะไปในทิศทางนี้ แล้วรถก็จะเปลี่ยนเลนไปให้ ทำได้ทั้งซ้ายและขวา โดยมีเงื่อนไขคือ ระบบเซนเซอร์รอบคันจะต้องตรวจแล้วว่าปลอดภัยไร้ซึ่งรถอยู่ในเลนที่เราจะไป ระบบจึงจะเปลี่ยนเลนให้ หากระบบพบว่ามีรถหรือวัตถุอื่นอยู่ รถจะไม่เปลี่ยนเลนให้ ดังนั้นมั่นใจได้ว่า ไม่มีการปาดหน้าคันอื่นอย่างแน่นอน

อาจจะมีคำถามว่า แล้วแค่หักพวงมาลัยเปลี่ยนเลน ไม่ง่ายกว่าหรือ... คำตอบจากวิศวกรคือ ใช่ แต่ที่ใส่ระบบนี้มาให้ ใช้งานเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการใช้ก้านคันเลี้ยวในการส่งคำสั่ง มีจุดมุ่งหมายคือ สวัสดิภาพของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ เนื่องจากเซนเซอร์สามารถตรวจจับในจุดอับสายตาที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น ดังนั้นจะปลอดภัยกว่า เมื่อเปลี่ยนเลนด้วยการใช้ระบบLCA

จากการได้ทดลองขับ2รอบ และนั่งรวม 4 รอบ ผู้เขียนสามารถกล่าวสรุปได้ว่า ระบบทั้งสองอย่างของเลกซัส สามารถใช้งานได้จริง ช่วยให้ขับสบายและปลอดภัยมากขึ้น ครบถ้วนตามที่วิศวกรตั้งใจ แต่อาจจะยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้าง และไม่แน่ใจว่าระบบดังกล่าวจะใช้งานได้สมบูรณ์เพียงใดเมื่อมาวิ่งบนถนนเมืองไทย

ที่มา : เมเนเจอร์ ออนไลน์ 



วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Aibo หุ่นยนต์น้องหมา...หน้าเป็น ผลิตโดย Sony


Aibo หุ่นยนต์น้องหมา...หน้าเป็น โดย Sony


หลังจากห่างหายไปกว่า 10 ปี Sony ก็ได้เปิดตัวหุ่นยนต์สุนัข(น้องหมา) Aibo รุ่นใหม่ รหัส ERS-1000 โดย Sony กล่าวว่า Aibo รุ่นใหม่นี้ “สามารถสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับสมาชิกครอบครัวในบ้าน ในขณะเดียวกันก็มอบความรัก ความหลงไหล ความรู้สึกที่ได้ดูแลและเติบโตไปพร้อมๆกับคู่หูเพื่อนรู้ใจ”

Aibo รุ่นนี้ใช้มอเตอร์ขนาดเล็กทำให้สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ถึง 22 แกน ตาใช้จอ OLED สามารถแสดงอารมณ์ทางตาได้ แบตเตอรีอยู่ได้ประมาณ 2 ชม. ใช้เวลาชาร์จ 3 ชม.

Sony กล่าวว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ของหุ่นยนต์สุนัข Aibo สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ โดยใช้ Deep Learning วิเคราะห์ภาพและเสียงที่ผ่านเข้ามาทางเซ็นเซอร์ต่างๆ ของ Aibo และใช้ Cloud Data เพื่อนำประสบการณ์ของ Aibo ตัวอื่นๆ มาเรียนรู้เพื่อสร้างการเคลื่อนไหวและอารมณ์

Aibo มาพร้อมแอปพลิเคชัน My Aibo ใช้สำหรับเข้าการตั้งค่าของ Aibo, ดูรูปภาพที่ถ่ายโดย Aibo, ดาวน์โหลดท่าทางแปลกๆ เพิ่มเติม และ Aibo รุ่นใหม่นี้มีค่ารายเดือนด้วย เป็นเงิน 2,980 เยนต่อเดือน(ประมาณ 850 บาท) โดยต้องสมัครสมาชิกอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้ Aibo ต่อ Wifi และ LTE, Cloud backup และใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ในแอปพลิเคชัน

และอุปกรณ์เสริม Aibone ราคา 2,980 เยนเช่นกัน

Aibo รุ่นใหม่ราคา 198,000 เยน(ประมาณ 56,500 บาท) เปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันนี้ที่ญี่ปุ่น วางขายจริง 11 มกราคม 2018 ยังไม่มีแผนขายนอกประเทศญี่ปุ่น

ที่มาบทความ nuania